หิมะตกที่ทางตอนเหนือของเวียดนาม

  1. report @ home
    report @ home
    ข่าวจาก astv ผู้จัดการออนไลน์
    เวียดนามหิมะตกเห็นๆ เย็นจับขั้วหัวใจ

    ไม่ธรรมดา.. ความหนาวเย็นระลอกล่าในสัปดาห์นี้ ทำให้หิมะตกซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดไม่บ่อยในภาคเหนือ หลายปีก่อนหน้านี้เคยได้เห็นแค่น้ำค้างแข็งเท่านั้น เวียดนามอยู่ในช่วงแห่งการเปลี่ยนฤดูซึ่งในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน ความหนาวเย็นกลับมาสั่งลา เพียงแต่ว่าปีนี้เย็นจัดกว่าทุกปี ตอนเหนือสุดกำลังจะย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ใต้ลงไปในเมืองหลวงอากาศกำลังจะอบอุ่นขึ้น ส่วนภาคกลางกำลังจะเข้าสู่หน้าร้อน และภาคใต้ร้อนหัวแทบระเบิด.
    ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ได้เกิดหิมะตกปกคลุมเขตซาปา แหล่งท่องเที่ยวอันลือชื่อใน จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ของเวียดนามในช่วง 2 วันมานี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วอีกระลอกหนึ่ง และ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เห็นหิมะจริงๆ ซึ่งสื่อของทางการกล่าวว่าหิมะตกหนักยิ่งกว่านี้ในเขตเขาตามแนวชายแดนจีนที่ อยู่เหนือขึ้นไป

    หิมะเริ่มโปรยปรายลงตั้งแต่ค่ำวันอังคาร 15 มี.ค.เป็นต้นมา และ ตกหนักขึ้นตั้งแต่เวลา 5 น.วันพุธนี้ และ ในเวลา 09.15 น. หิมะปกคลุมพื้นที่หนาตั้งแต่ 2.5 ซม.ขึ้นไป สร้างความแตกตื่นให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศผู้ไปเยือนที่นั่นในช่วงฤดูนี้ นายฟัมกวางโห่ (Pham Quang Ho) ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ จ.ล่าวกาย กล่าวกับสำนักข่าวเวียดนามเน็ต

    ปี 2550 ได้เกิด "หิมะ" ตกให้เห็น แต่ก็เป็นเพียงน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมกิ่งไม้ใบไม้และยอดหญ้าบนพื้นเท่านั้น เดือน ม.ค.ปีนี้ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งปกคลุมไปทั่วเมืองซาปาอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้อากาศหนาวเหน็บ แต่หิมะตกจริงๆ เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงนี้

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุกทกศาสตร์กลางกรุงฮานอยได้ออกคำเตือน นักท่องเที่ยวตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับมวลอากาศเย็นที่เคลื่อนลง ใต้ และจะทำให้เกิดอากาศหนาวเย็นอีกระลอกหนึ่งเป็นเวลา 3-4 วัน ขณะที่ภาคกลางกับภาคใต้จะเกิดฝนตกประปรายจนถึงหนัก และทะเลตะวันออกมีคลื่นสูงและลมแรง

    อุณหภูมิในกรุงฮานอยลดลงถึง 11 องศาเซลเซียสในวันพุธนี้ คาดว่าจะลดลงถึง 9 องศาในช่วงกลางคืน

    นักพยากรณ์อากาศกล่าวว่า อากาศจะหนาวเย็นระลอกนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ก็จะเกิดเพียงไม่กี่วันเท่านั้นในขณะที่ภาคเหนือกับภาคกลางเวียดนามกำลัง จะเปลี่ยนจากฤดูใบไม้ผลิบานใหม่เข้าสู่ฤดูร้อน

    อย่างไรก็ตามทางตอนใต้ของประเทศอากาศร้อนจัดมาตั้งแต่ปลายเดือนที่ แล้ว และ ร้อนจัดมากในเขตจังหวัดที่ราบปากแม่น้ำโขง ซึ่งอุณหภูมิขึ้นลงอยู่ระหว่าง 33-35 องศา.
    รูปจาก ข่าว







































  2. report @ home
    report @ home
    ข่าวจาก www.sanook.com
    อึ้ง! เวียดนามหนาวมากจนหิมะตก

    สำนักข่าวต่างประเทศเผยแพร่ภาพ หิมะตกปกคลุมเขตซาปา แหล่งท่องเที่ยวอันลือชื่อใน จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ของเวียดนาม โดย เริ่มโปรยปรายลงตั้งแต่ค่ำวันอังคาร 15 มี.ค.เป็นต้นมา และตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ สร้างความแตกตื่นให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวเวียดนามและชาวต่างประเทศ

    ทั้งนี้ ปี 2550 ได้เกิดหิมะตกให้เห็น แต่ก็เป็นเพียงน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมกิ่งไม้ใบไม้และยอดหญ้าบนพื้นเท่านั้น เดือนม.ค.ปีนี้ได้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งปกคลุมไปทั่วเมืองซาปาอีกครั้ง หนึ่งภายใต้อากาศหนาวเหน็บ แต่หิมะตกจริงๆ เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงนี้
    รูปภาพจากข่าวนี้


















  3. report @ home
    report @ home
    ข่าวจาก www.oknation.net

    หิมะกับน้ำค้างแข็งที่ปกคลุมในเขตเขาภาคเหนือมานานแรมเดือน กำลังก่อความวิบัติแก่ราษฎรเวียดนามหลายล้านคน ขณะที่รายงานในเบื้องต้นจากท้องถิ่นต่างๆ พบปศุสัตว์ล้มตายไปแล้วนับหมื่นตัว จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นาข้าวได้รับความเสียหายอีกกว่า 400,000 ไร่


    หิมะ กับน้ำค้างแข็งได้ปกคลุมทั่วเทือกเขาหว่างเลียนเซิน (Hoang Lien Son) รวมทั้งในเขตเมืองซาปา (Sapa) ในวันนี้หิมะได้ทำให้เมืองปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีทัศนียภาพสวยงามกับ สภาพโดยรอบ กลายเป็น "สวิตเซอร์แลนด์"

    ที่นั่นอยู่ใน จ.ล่าวกาย (Lao Cai) ติดเขตแดนมณฑลหยุนหนัน (Yunnan) ของจีน ซึ่งอุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั่วไปจะติดลบ 5-10 องศาเซลเซียส นับเป็นสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 40 ปี

    ความ หนยาวเย็นยังแผ่คลุมหายจังหวัด เกิดหิมะตกคลุมยอดเขาและน้ำค้างแข็งเกาะตามยอดในเขตหุบเขาในเขต จ.กาวบ่าง (Cao Bang) ติดชายแดนมณฑลหยุนหนันกับมณฑลกว่างซี (Guangxi) มีสัตว์เลี้ยงพวกวัวควายล้มตายไปแล้วกว่า 9,000 ตัว นาข้าวกับพืชเศรษฐกิจหลายชนิดเสียหายหนัก

    ใน จ.ล่าวกายเพียงแห่งเดียวมีวัวควายล้มตายไปกว่า 1,000 ตัว ซึ่งกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่า เป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงล้มตายอีกกว่า 2,000 ตัวใน จ.โห่วยาง (Hau Giang) ที่ระหว่างล่าวกายกับกาวบ่าง อีกเกือบ 1,500 ตัวใน จ.เซินลา (Son La) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือติดชายแดนแขวงหัวพันของลาว อีกประมาณ 1,000 ตัว ใน จ.ลางเซิน (Lang Son) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือติดมณฑลกว่างซี

    นาย กาวดึกฟ๊าต (Cao Duc Phat) รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทได้เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวเมื่อวัน พฤหัสบดี (14 ก.พ.) ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong)

    อากาศ หนาวเย็นได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่นาข้าวฤดูใบไม้ผลิในภาคเหนือ ของประเทศ กระทรวงเกษตรฯ ได้แจ้งให้ชาวนานเกษตรกรหยุดการออกไปเก็บเกี่ยวข้าวภายใต้อุณหภูมิข้างนอก ที่ลดต่ำลงถึงลบ 15 (-15) องศาเซลเซียสในบางท้องที่

    นาย เหวียนจิหง็อก (Nguyen Tri Ngoc) แห่งกรมกสิกรรมกระทรวงเกษตรฯ กล่าวในรายงานชิ้นหนึ่งว่า อากาศหนาวเย็นได้สร้างความเสียหายแก่นาข้าวที่ต้นข้าวกำลังท้องแก่รวมประมาณ 53,000 เฮกตาร์ (331,200 ไร่) และ ข้าวที่กำลังออกรวงถูกทำลายไปเป็นเนื้อที่ประมาณ 5,000 เฮกตาร์ (ราว 31,000 ไร่เศษ)

    ตามรายงานของวีเอ็นเอ (Vietnam News Agency) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการ ความเสียหายต่อนาข้าวครอบคลุมพื้นที่ 16 จังหวัดในภาคเหนือลงไปจนถึงเขตอู่ข้าวอู่น้ำที่ราบปากแม่น้ำแดง คือ จ.หายซเวือง (Hai Duong) ถายบิ่ง (Thai Binh) ฟุเถาะ (Phu Tho) ฮุงเอียน (Hung Yen) ห่านาม (Ha Nam) บั๊กซยาง (Bac Giang) จนถึงเขตนครหายฟ่อง (Hai Phong)

    นายหง็อกได้กล่าวโทษความเสียหายครั้งนี้ว่า เกิดจากชาวนาเพิกเฉยต่อเสียงเตือนของทางการก่อนหน้านี้ให้ต้องรีบเก็บเกี่ยว ข้าวที่แก่แล้ว พร้อมทั้งได้เตือน อีกครั้งให้ทุกครบครัวที่ประสบความเสียหายเตรียมปลูกพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่ ใช้เวลาสั้นๆ ต่อไปเมื่ออากาศเลวร้ายทุเลาลง

    ชาวนาใน หลายจังหวัดกำลังเริ่มปลูกข้าวนาปรัง จำต้องใช้ผ้าพลาสติกคลุมต้นกล้าที่ยังอ่อนให้อบอุ่น ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดน้ำค้างแข็งสร้างความเสียหาย

    อย่างไร ก็ตามหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟงกล่าวว่า ความเสียหายไม่ได้จำกัดอยู่ในจังหวัดภาคเหนือ แต่กำลังแผ่ลามกว้างลงไปถึงภาคกลางตอนล่าง และ ตัวเลขที่รวบรวมจากทางการท้องถิ่นต่างๆ จนถึงวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้พบว่านาข้าวเสียหายไปแล้วถึง 71,000 เฮกตาร์ (443,700 ไร่เศษ)

    ใน จ.แท็งฮว๊า (Thanh Hoa) ที่อยู่ใต้กรุงฮานอยลงไป นาข้าวได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ 25,000 เฮกตาร์ และ จ.เหงะอาน (Nghe An) ที่อยู่ถัดลงไปเสียหายเป็นอันดับ 2 รวม 10,400 เฮกตาร์

    ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายรวมเนื้อที่อีกนับหมื่นเฮกตาร์ ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสง ถั่งเหลือ จนถึงสวนผักของเกษตรกรครัวเรือนต่างๆ

    จน ถึงวันที่ 13 ก.พ.มีรายงานปศุสัตว์ล้มตายไปแล้วจำนวน 8,200 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดตอนเหนือของประเทศ และ จำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เตี่ยนฟงกล่าว

    อากาศเลว ร้ายเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ก่อนหน้านั้นเคยเกิดอากาศหยาวเย็นจัดเป็นเวลา 26 วันในปี 2511 กับอีก 28 วันในปี 2532 วีเอ็นเอกล่าว.
  4. IAm
    IAm
    ขอบคุณ คุณ report @ home ที่นำข่าวมาให้ได้รับรู้ค่ะ
  5. bookerian
    bookerian
    ขอบคุณสำหรับข่าวค่ะ เห็นข่าวสุดท้ายแล้วตกใจ สัตว์ใหญ่ตายมากขนาดนี้เลย
Results 1 to 5 of 5