เปิดคำบอกเล่านาทีระทึกจากผู้รอดชีวิต หลังน้ำป่าพัดดินโคลนจากเทือกเขาพนมเบญจา เข้าถล่มบ้านเรือนประชาชนในต.หน้าเขาจนราบเป็นหน้ากลอง
ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องหลายวันในพื้นที่ภาคใต้ได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติ รุนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อน้ำจากเทือกเขาพนมเบญจา ในเขตอ.เขาพนม จ.กระบี่ ได้ไหลหลากและพัดพาดินโคลนเข้าถล่มหมู่บ้านประชาชนในพื้นที่ บ้านบางสร้าง และ บ้านห้วยน้ำแก้ว ม.6 และ 7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จนพังเสียหายไปกว่าเกือบครึ่งร้อยหลังคาเรือน ขณะที่เส้นทางคมนาคมและกระแสไฟฟ้าถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง
เบื้องต้นเหตุน้ำป่าดินถล่มครั้งนี้ได้คร่าชีวิตชาวบ้านไปแล้ว 4 ราย บาดเจ็บ 39 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัสจากการถูกต้นไม้และของแข็งกระแทกจนกระดูกหักและอวัยวะ บอบช้ำ 7 ราย ขณะที่ชาวบ้านอีกกว่า 100 คนยังสูญหาย โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าค้นหาในพื้นที่ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อ เนื่อง
นายวินัย ชาวบ้านผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ม.6 เล่าถึงนาทีระทึกว่า หลังจากฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันประมาณ 5 วันกระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มี.ค. น้ำจากเทือกเขาพนมเบญจาก็เริ่มไหลลงเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านบางส่วน ซึ่งน้ำเริ่มมีสีขุ่นมากขึ้นแต่ชาวบ้านก็ไม่ได้เอะใจ เพราะไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ เพียงแต่รีบขนย้ายสิ่งของขึ้นชั้นสองของบ้าน มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ขนของขึ้นรถออกจากพื้นที่
"ช่วงค่ำวันที่ 29 มี.ค. ขณะที่ชาวบ้านบางคนนอนหลับ ซึ่งผมกำลังดูน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ก็ได้ยินเสียงน้ำไหลและต้นไม้หักโค่นดังสนั่นมาจากเทือกเขาพนมเบญจา จากนั้นน้ำป่ารวมทั้งดินโคลนก็ไหลเข้าทับบ้านของชาวบ้านที่อยู่ใกล้ภูเขา อย่างรวดเร็ว
"ผมรีบพามารดากับภรรยาวิ่งหลบหนีออกจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต จนไปหลบอยู่บนที่สูงได้พร้อมเพื่อนบ้านหลายคนแต่ก็ทราบว่ามีเพื่อนบ้านและ ญาติพี่น้องจำนวนมากติดอยู่ตามบ้านเรือนและบางส่วนก็ถูกดินโคลนทับถล่ม กระทั่งทหารจากกองพันทหารราบที่ 1และหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือได้เมื่อเที่ยงของวันที่30มี.ค."วินัยกล่าว
ขณะที่ ผู้รอดชีวิตอีกรายจาก หมู่ที่ 7 บ้านบางสร้าง ต.หน้าเขา เปิดเผยว่า ตำบลหน้าเขาจะเป็นพื้นที่อยู่ริมเชิงเขาพนมเบญจา ซึ่งมีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปี แต่เหตุการณ์ดินถล่มใน ต.หน้าเขา เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ก่อความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของราษฎร มากมายขนาดนี้
“เมื่อก่อนมันมีบ้าง แต่เพียงเล็กน้อย ฝนตกหนักๆ โคลนก็ไหลลงมาแต่มันมาหยุดที่เชิงเขา ไม่เหมือนครั้งนี้ที่มันก่อความเสียหายหนักมาก ขนาดคนเฒ่าคนแก่ยังบอกว่าเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น”
เขาเล่าว่า หนีรอดออกมาจากหมู่บ้านพร้อมกับลูกและภรรยาด้วยเสื้อผ้าเพียงชุดเดียว หลังจากเดินทางมาที่ รพ.เขาพนมจึงทราบว่ามีญาติคนหนึ่งบาดเจ็บที่ถูกช่วยนำออกมารักษาตัว แต่ส่วนพ่อและญาติพี่น้องอีกหลายคนยังไม่ทราบชะตากรรมในตอนนี้
ด้าน สำรวย ชูชีพ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.หน้าเขา เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ กำลังหุงข้าวทำอาหารเอาใว้กินมื้อกลางวัน อยู่ในบ้าน อยู่ๆก็ได้ยินเสียงดังคึกๆอย่างกับเสียงเครื่องบิน เมื่อเดินออกมาดูก็ต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะสิ่งที่เห็นมีไม่แน่ใจว่ามัน คือลูกอะไรที่ใหญ่กว่าบ้านหลายเท่าหลายลูกกำลังวิ่งจากเขามาทางหมู่บ้านที่ ตนอยู่ เมื่อตั้งสติได้จึงร้องเรียกลูกและหลานพากันวิ่งออกจากบ้านเข้าไปในสวนยาง ที่อยู่สูงกว่าบ้าน แต่ก็ทำให้ ลูกและหลาน รวม 4 คนได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมด ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลหมด ลูกสาวเป็นแผลทั้งตัว ลูกเขยขาหัก หลานคนโต ถูกไม้ตำหลัง หลาน 3 ขวบแขนหัก
เช่นเดียว
ชูศักดิ์ วิเศษสมบัติ ที่บอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่จะต้องจดจำไปชั่วชีวิต ในวันเกิดเหตุในตอนเช้าประมาณ 8 โมงกว่าๆ ในขณะที่ฝนตกก็ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงฟ้าร้อง จึงเดินออกมาดูที่หน้าบ้านก็เห็นคล้ายกับมีควันขึ้นที่เหนือเขาพนม จากนั้นจึงเห็นน้ำไหลลงมาจากภูเขาเหมือนคลื่นในทะเลเข้าถล่มหมู่บ้านตั้งแต่ ต้นหมู่บ้าน จนมาถึงบ้านที่ตนอยู่และผ่านเลยไป ทำให้ทุกอย่างพังหมด