เชื่อว่าเพื่อนๆ บางคน คงไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า เพราะต้องรีบไปทำงาน ไปเรียน
ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบทานอาหารเช้า (เพราะชอบตื่นสาย ) ตื่นแล้วก็รีบอาบน้ำ รีบไปเรียน
กว่าจะมีอะไรตกถึงท้องก็ต้องรอมื้อเที่ยง
พอดีได้ไปอ่านบทความเกี่ยวกับ ความสำคัญของอาหารเช้า จึงอยากเอามาให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...5-2007&date=09
ใครๆ ก็บอกว่าอาหารเช้าสำคัญ ขาดไม่ได้ หรือไม่ควรขาด
แล้วอาหารเช้าสำคัญอย่างไรกันเล่า และจะให้กินอะไรเป็นอาหารเช้า...
"ในเมื่อดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวฉันก็อยู่ได้จนถึงมื้อกลางวัน ตอนเช้าน่ะแทบจะไม่มีเวลากินอะไรหรอก
เพราะต้องรีบไปทำงาน และฉันต้องการลดน้ำหนักแถมยังประหยัดเงินอีกมื้อหนึ่งด้วย"
เหล่านี้เป็นคำกล่าวที่เรามักจะได้ยินจากคนที่ไม่กินอาหารเช้า โดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานนอกบ้าน
ตอนเช้าต้องเร่งรีบออกจากบ้าน โดยไม่ได้กินอาหารเช้า เมื่อไปถึงที่ทำงานก็มีงานมากมาย
จนไม่มีเวลากินอะไรจนถึงเวลากลางวัน
เมื่อตื่นนอนในตอนเช้า เราไม่ได้กินอาหารนับจากมื้อเย็น ประมาณสิบสองชั่วโมงหรือมากกว่า
หากเรางดอาหารมื้อเช้า และกินอาหารกลางวันเป็นมื้อแรกของวัน
หมายถึง ร่างกายจะไม่ได้รับอาหารอีกประมาณห้าชั่วโมง รวมแล้วไม่ต่ำกว่าสิบเจ็ดชั่วโมง
ที่ร่างกายไม่ได้รับอาหาร
การที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารนานขนาดนั้น จะส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างไม่ต้องสงสัย
( ปวดหัว ง่วงนอน จนถึงความดัน โรคหัวใจ ) และมีผลงานวิจัยว่าคนที่ไม่ทานอาหารเช้าจะเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งมากกว่าปกติ
อาหารมื้อเย็นที่เรากินเข้าไปถูกย่อยและใช้ไป เมื่อเราพักผ่อนนอนหลับ ร่างกายใช้พลังงานน้อย
อาหารมื้อเย็นจึงอยู่ได้หลายชั่วโมงกว่ามื้ออื่น ที่เรากินในตอนกลางวัน ซึ่งร่างกายใช้พลังงาน
ในการทำกิจกรรมต่างๆ มากกว่า
เมื่อเราตื่นนอนในตอนเช้าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ในขณะที่เราลุกขึ้นเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่างๆ
เราจะรู้สึกหิว ศูนย์หิวที่สมองสั่งให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อยออกมาทำให้ท้องว่าง เพราะร่างกายต้องการพลังงาน
หากเรายังไม่เติมพลังงานให้กับร่างกาย หรือยังไม่กินอาหารเช้า
ร่างกายต้องไปดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ที่สะสมไว้ในตับ ซึ่งร่างกายเก็บเป็นเสบียงไว้ใช้ในยามจำเป็น
นำมาใช้เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ
แต่ไม่นานนักพลังงานส่วนนี้จะถูกใช้จนหมดไปเพราะไม่มีใหม่มาเติม
การขาดอาหารเช้าอาจจะทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย ยิ่งสายใกล้เที่ยงจะเกิดอาการโมโหหิวได้ง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กไม่ควรขาดอาหารเช้า
มีงานวิจัยหลายเรื่องที่พบว่า การกินอาหารเช้ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
ในขณะที่ท้องหิวสมองก็ไม่รับรู้เรื่องที่ครูสอนไม่มีสมาธิในการเรียน
บางคนไปสอบโดยไม่มีกินอาหารเช้า ทำให้ทำข้อสอบไม่ได้ดีเท่าที่ควร
เพราะฉะนั้นเราควรกินอาหารเช้าเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงาน ที่จะต้องใช้ในการทำงานทั้งกำลังกายและสมอง
จากผลการวิจัยหลายเรื่องทำให้กล่าวได้ว่า การกินอาหารเช้า ที่มีคุณค่ามีความสำคัญ นั่นคือ
>> คนที่กินอาหารเช้ามีพลังงานในการทำงานได้นานกว่า
และมีความอ่อนล้าในช่วงกลางวันน้อยกว่าคนที่เริ่มอาหารเช้า ด้วยกาแฟเพียงแก้วเดียว
>> การกินอาหารเช้าทำให้ช่วยลดปริมาณการกินอาหารว่าง
>> ถ้าเราปล่อยให้ร่างกายคอยนานเกินไปกว่าจะได้รับอาหารมื้อแรกของวัน
ระบบการย่อยอาหารก็จะเฉื่อยชาในการทำงาน ซึ่งมีงานวิจัยพบว่า
คนที่ไม่กินอาหารเช้ามีอัตราการเผาผลาญอาหารต่ำกว่า คนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ
>> เด็กที่กินอาหารเช้ามีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า ให้ความร่วมมือดีกว่า และมีสมาธิในการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่ได้กินอาหารเช้า
อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือ การไม่รับประทานอาหารเช้าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนได้
เหตุเพราะ กว่าจะถึงเวลารับประทานมื้อกลางวัน ทำให้หิวมากกว่าปกติ
และจะรับประทานเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งส่วนที่เหลือจะเป็นไขมัน
การที่คนเราไม่รับประทานอาหารมื้อเช้าเลย หรืองดมื้อใดมื้อหนึ่งไปทำให้เขาขาดสารอาหารไปอย่างน้อย 1/3 ของความต้องการพลังงานทั้งหมดของร่างกาย
ซึ่งมักทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาได้เพราะทำให้การรับประทานอาหารมื้อต่อไป เพิ่มปริมาณมากขึ้นเพราะหิวมากขึ้น
หรือไม่ก็จะทำให้เรารับประทานระหว่างมื้อมากขึ้น หรือรับประทานอาหารเป็นประเภทจุบจิบ
เช่น อาหารประเภทขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน และน้ำอัดลม เป็นต้น
โดยอาหารเหล่านี้แฝงไปด้วย เกลือ น้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นจำนวนมาก
ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเรา ทำให้น้ำหนักเกินหรืออ้วนได้ง่ายขึ้น
และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมาหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคข้อและกระดูกอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยและการตายในผู้ใหญ่
ปัญหาที่สำคัญของคนไม่กินอาหารเช้าส่วนใหญ่คือไม่มีเวลา นั่นเป็นเพียงข้อแก้ตัวเท่านั้น
หากคุณตั้งใจที่จะกินอาหารเช้า คุณก็ทำได้ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที
อย่างไรก็ตาม ควรมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพนั่นคือ
ก่อนนอนคิดรายการอาหารมื้อเช้าว่าจะกินอะไร เตรียมอุปกรณ์ และเครื่องปรุงไว้ก่อนเท่าที่เป็นไปได้
นอกจากนี้ในแต่ละวันควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่
หมู่เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง หมู่ข้าว แป้ง เผือก มัน หมู่พืชผัก หมู่ผลไม้ และหมู่ไขมันจากพืชและสัตว์
ถ้าเป็นไปได้ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ
อาหารเช้าควรจะเป็นอาหารหลายอย่าง ไม่ควรเป็นพวกแป้งเพียงอย่างเดียว
เพราะในกระบวนการย่อย และดูดซึมอาหารนั้น จำเป็นต้องใช้สารอาหารหลายชนิดทำงานร่วมกัน
หากขาดชนิดใดชนิดหนึ่งอาจจะทำให้กระบวนการนั้นไม่สมบูรณ์
และร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอาหารได้อย่างเต็มที่
เพราะฉะนั้นการกินอาหารไม่ใช่เพียงแต่อะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกอิ่ม
แต่ควรคำนึงถึงประโยชน์ของอาหารที่เรากินเข้าไปด้วย และควรหมุนเวียนชนิดของอาหาร ไม่กินอาหารอย่างเดียวซ้ำซาก
คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับอาหารเช้าของลูก และของตนเองเหมือนกับการอาบน้ำแต่งตัว
จัดสรรเวลาส่วนหนึ่งให้กับอาหารเช้า เพื่อให้คุณและสมาชิกในครอบครัว มีพลังงานการทำงานและอารมณ์สดใสตลอดวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.elib-online.com/doctors/food_breakfast.html
http://gotoknow.org/blog/duthai/45749
http://www.lodnumnuk.com/index.php?mo=3&art=402552